นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

หลักการและเหตุผล

                 ด้วยบริษัท ควอนตัม เทค พลัส จำกัด (“บริษัท) ตระหนักและเคารพในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นบุคคลธรรมดาของบริษัท  บริษัทจึงมีนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมและรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้ปลอดภัยตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศ ที่บริษัทเข้าไปประกอบธุรกิจหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ และสอดคล้องกับมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

ขอบเขตนโยบาย

                 นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”) ฉบับนี้นำมาใช้กับกรรมการของบริษัททุกท่าน (“กรรมการ”) ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัททุกคน (“พนักงาน”) ที่บริษัท มีอำนาจในการบริหาร เช่น กิจการร่วมค้า (Joint Ventures)

                 นอกจากนี้ บริษัทจะส่งเสริมให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัทให้การสนับสนุนและปฏิบัติตามแนวนโยบายฉบับนี้

คำนิยาม

“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

“คู่ค้า” หมายถึง ผู้รับเหมา ผู้รับเหมาช่วง ผู้แทนจำหน่ายสินค้า ผู้ค้าส่ง ผู้ผลิตสินค้า ผู้ผลิตสินค้าขั้นปฐมภูมิ  ผู้รับแฟรนไชส์ ผู้รับอนุญาตให้ใช้สิทธิ นายหน้า และที่ปรึกษาที่ทำธุรกรรมร่วมกับบริษัท

“เจ้าของข้อมูล” หมายถึง บุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

“บุคคล” หมายถึง บุคคลธรรมดา

“พันธมิตรทางธุรกิจ” หมายถึง ตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท หุ้นส่วนในกิจการร่วมค้า และลูกค้า

 

วัตถุประสงค์และแนวทางปฏิบัติของนโยบายมีดังต่อไปนี้

  1. บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ ขอบเขต และวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นธรรม และโปร่งใสโดยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์และรายละเอียดตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดให้เจ้าของข้อมูลทราบ และขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย ตามวิธีการที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม กรณีเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม
  2. บริษัทจะเก็บรวบบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบหากจะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งไว้ดังกล่าว บริษัทจะแจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้เจ้าของข้อมูลทราบและขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลโดยไม่ชักช้า เว้นแต่เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอม
  3. บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของเสริมสุข
  4. บริษัทจะดำเนินการให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมไว้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  5. บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบหรือตามที่กฎหมายกำหนด
  6. บริษัทจะไม่ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังประเทศที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอเว้นแต่เป็นกรณีที่ได้รับยกเว้นตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดแล้ว
  7. เจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของตนซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทได้ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยบริษัทจะจัดให้มีมาตรการ ช่องทาง และวิธีการเพื่อให้เจ้าของข้อมูลใช้สิทธิดังกล่าวได้ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
  8. บริษัทจะจัดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
  9. บริษัทจะจัดให้มีเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล(Data Protection Officers : DPO) เพื่อทำหน้าที่ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด และจะแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สถานที่ติดต่อ และวิธีการในการติดต่อให้เจ้าของข้อมูลทราบตามวิธีการที่เหมาะสม
  10. บริษัทจะจัดให้มีระเบียบ แนวปฏิบัติหรือมาตรการต่าง ๆ ในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสมและสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  11. บริษัทจะสื่อสารให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจดำเนินธุรกิจโดยปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
  12. บริษัทจะจัดให้มีกระบวนการการตรวจสอบด้านการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล หรือการละเมิดสิทธิของเจ้าของข้อมูล เพื่อระบุประเด็นและประเมินความเสี่ยงและผลกระทบ
  13. กรรมการผู้จัดการและผู้บริหารมีหน้าที่ส่งเสริม สร้างความรู้ความเข้าใจและสนับสนุนให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนปฏิบัติตามนโยบาย
  14. บุคคลที่กระทำการละเมิดนโยบายจะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาความผิดทางวินัย เมื่อคณะกรรมการที่รับผิดชอบได้ตรวจสอบอย่างครบถ้วนแล้ว บุคคลผู้กระทำผิดจะถูกลงโทษตามกฎระเบียบข้อบังคับการทำงานของบริษัท และในกรณีที่การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ผู้กระทำความผิดอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
  15. คณะกรรมการบริษัทจะสอบทานและทบทวนนโยบายให้ทันสมัยตามความเหมาะสม

บริษัท ควอนตัม เทค พลัส จำกัด

ประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับลูกค้า คู่ค้า ผู้แทนจำหน่าย และผู้เข้าร่วมกิจกรรม ผู้บริหาร พนักงาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท

            (“บริษัท”)  ตระหนักและเคารพในความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ผู้ใช้บริการ ผู้เข้าร่วมกิจกรรม (ต่อไปนี้เรียกบุคคลดังกล่าวรวมกันว่า “ท่าน”) บริษัทจึงได้จัดทำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ต่อไปนี้เรียกการดำเนินการดังกล่าวรวมกันว่า “ประมวลผล”) ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ดังนี้

  1. วัตถุประสงค์การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

             1.1 บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีวัตถุประสงค์หลัก  ดังต่อไปนี้  


วัตถุประสงค์


ฐานทางกฎหมาย

(1)

การพิจารณาอนุมัติคำขอซื้อสินค้า การใช้บริการ ตรวจสอบยืนยันตัวตน การตรวจสอบอำนาจ การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การดำเนินการตามกระบวนการภายในต่าง ๆ ของ บริษัท เพื่อการทำสัญญา การปฏิบัติงานตามสัญญา การส่งสินค้า การให้บริการ รวมไปถึงการติดต่อประสานงาน การเรียกเก็บค่าใช้จ่าย การจัดส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง

การปฏิบัติตามสัญญาความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย 

(2)

การสมัครเข้าใช้งานระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ หรือการเปิดสิทธิการเข้าถึงหรือใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือระบบงานอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(3)

การสื่อสารเกี่ยวกับสินค้า และ/หรือ บริการของบริษัท การลงทะเบียนลูกค้า การตอบข้อร้องเรียน และหาแนวทางในการเยียวยาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท การปฏิบัติตามคำร้องขอตามสิทธิที่ท่านมีต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท การบริหารความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและท่านหรือธุรกิจของท่าน การรักษาและทำให้ข้อมูลการติดต่อเป็นปัจจุบัน การจัดกิจกรรมสำหรับลูกค้า เป็นต้น

การปฏิบัติตามสัญญาการปฏิบัติตามกฎหมายความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายความยินยอม

(4)

การทำการตลาดและการพัฒนาธุรกิจ การสื่อสารเกี่ยวกับกิจกรรมทางการตลาดที่วิเคราะห์แล้วเห็นว่าตรงกับความต้องการของท่านผ่านวิธีการใด ๆ รวมถึงอีเมล โทรศัพท์ ข้อความทางโทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย จดหมาย หรือสื่อสารต่อหน้าเพื่อพัฒนากิจกรรมทางการตลาด

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายความยินยอม

(5)

การประเมิน ปรับปรุง และพัฒนาสินค้า การให้บริการ และรายการส่งเสริมการขายต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงเพื่อสำรวจความพึงพอใจเกี่ยวกับสินค้าและบริการของบริษัท เพื่อให้เหมาะสมและตรงตามความต้องการของท่านและที่ท่านอาจสนใจ

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(6)

เพื่อเป็นข้อมูลและเอกสารประกอบการดำเนินงานใด ๆ กับธนาคาร สถาบันการเงิน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต ตลาดหลักทรัพย์แห่งระเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และหน่วยงานภายนอกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย 

(7)

การเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น อีเมลภายใน บริษัทและบริษัทในกลุ่ม เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย (Facebook LINE YouTube) หรือสื่อออนไลน์อื่น ๆ ของบริษัท หรือสื่ออื่น ๆ เช่น โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ เป็นต้น 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายความยินยอม

(8)

เพื่อดำเนินการวางแผน การรายงาน และการคาดการณ์ทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับ การตรวจสอบ รวมถึงการตรวจสอบภายในของสำนักตรวจสอบภายใน และการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงเพื่อใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานภายในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินของหน่วยงานบัญชีการเงิน        

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(9)

เพื่อการดำเนินการเกี่ยวกับการโอนสิทธิ หน้าที่ และผลประโยชน์ใด ๆ เช่น การควบรวมกิจการ การแยกหรือการโอนกิจการซึ่งได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(10)

เพื่อเป็นฐานข้อมูลผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ของ บริษัทและ/หรือใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารความสัมพันธ์ หรือการติดต่อประสานงาน ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท 

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(11)

เพื่อการสืบสวน สอบสวนเรื่องร้องเรียนภายในองค์กร การป้องกันการทุจริต หรือการดำเนินกระบวนการทางกฎหมายอื่นใด รวมทั้งการตรวจสอบและจัดการข้อร้องเรียนและข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท หรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้เกิดความโปร่งใสและความยุติธรรมกับทุกฝ่าย

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(12)

เพื่อรับสมัครหรือพิจารณาให้เข้าร่วมโครงการหรือกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การศึกษาดูงาน การเยี่ยมชมกิจการ การรับบริจาค งานสัมมนา โครงการอบรมหรือโครงการอื่น ๆ ของ บริษัท หรือที่บริษัท ดำเนินการร่วมกับบุคคลภายนอกหรือหน่วยงานราชการ เป็นต้น รวมถึงการดำเนินการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การตอบคำถามลุ้นรางวัล การจัดส่งของรางวัล

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(13)

เพื่อการรักษาความปลอดภัยภายในบริเวณอาคาร พื้นที่ในความรับผิดชอบของบริษัท การแลกบัตรก่อนเข้าบริเวณพื้นที่ดังกล่าว การบันทึกภาพ ผู้ที่มาติดต่อกับบริษัทหรืออาคาร สถานที่ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV)

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย

(14)

เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การมอบอำนาจและการรับมอบอำนาจ การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การดำเนินคดีต่าง ๆ ตลอดจนการดำเนินการเพื่อบังคับคดีตามกฎหมาย

ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายการปฏิบัติตามกฎหมาย

(15)

เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปฏิบัติตามหมายศาล หนังสือ หรือคำสั่งของหน่วยงาน องค์กรอิสระ หรือเจ้าพนักงาน
ที่มีหน้าที่และอำนาจตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียก หมายอายัด คำสั่งของศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ อัยการ หน่วยงานราชการ  รวมถึงการรายงานหรือเปิดเผยข้อมูลต่อผู้ถือหุ้น หน่วยงานราชการ หรือองค์กรอิสระ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน กระทรวงพลังงาน กรมสรรพากร กรมที่ดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(16)

เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันด้านสุขภาพจากโรคติดต่ออันตรายหรือ โรคระบาดที่อาจติดต่อหรือแพร่เข้ามาในราชอาณาจักร

การปฏิบัติตามกฎหมาย

(17)

เพื่อการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของท่าน

การป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพบุคคล

             1.2 กรณีที่บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วข้างต้น บริษัทอาจขอข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม โดยจะแจ้งให้ท่านทราบและขอความยินยอมจากท่านเป็นคราว ๆ ไป (ตามแต่กรณี)   

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

             โดยทั่วไปแล้วบริษัทจะทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยการขอหรือสอบถามข้อมูลเหล่านั้นจากท่านเองโดยตรง อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีบริษัทอาจมีการเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านจากแหล่งอื่น เช่น หน่วยงานของรัฐ หรือแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏแก่สาธารณะอย่างชัดแจ้ง รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ เป็นต้น ในกรณีดังกล่าว บริษัทจะเลือกเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลที่ท่านเลือกให้ปรากฏต่อสาธารณะเท่านั้น  โดยประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัททำการประมวลผลมีดังต่อไปนี้

             2.1 เมื่อท่านซื้อสินค้าและ/หรือรับบริการจากบริษัท

(1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สถานภาพ ที่อยู่ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง

(2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

(3) ข้อมูลเกี่ยวกับการซื้อสินค้าและ/หรือการรับบริการ เช่น ประวัติการซื้อสินค้า ประวัติการเรียกร้องให้บริษัทรับผิดในความชำรุดบกพร่องของสินค้า ประวัติการรับบริการ ข้อร้องเรียน ข้อเสนอแนะ

(4) ข้อมูลเกี่ยวกับการเงิน เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับบัญชีที่ท่านมีอยู่กับธนาคาร ข้อมูลบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ข้อมูลรายได้ สิทธิประโยชน์ที่ท่านได้รับ ประวัติการชำระเงิน

             2.2 เมื่อท่านเข้าชมและ/หรือซื้อสินค้าออนไลน์ หรือเข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน รวมทั้งการสมัครเป็นสมาชิกของเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือบัตรสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของบริษัท

(1) ข้อมูลเกี่ยวกับการสมัครสมาชิก (Registration) เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน (Password) รหัสประจำตัว (Personal Identification Number : PIN) ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

(2) ข้อมูลเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ท่านใช้ เช่น หมายเลขอ้างอิงของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (IP Address) ข้อมูลพิกัดตำแหน่งที่อยู่ (Location Data) หรือรหัสบ่งชี้อุปกรณ์ (device identifier) อื่นๆ

(3) ชนิดและเวอร์ชันของเบราว์เซอร์ (Browser) ที่ท่านใช้ รวมถึงชนิดและเวอร์ชันของโปรแกรมเสริม (plug-in) ของเบราว์เซอร์

(4) การตั้งค่าเขตเวลา (Time zone)

             2.3 เมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัททั้งกิจกรรมที่บริษัทจัดเองหรือมอบหมายให้ผู้อื่นจัดหรือกิจกรรมที่บริษัทมีส่วนร่วมในการจัดหรือกิจกรรมที่บริษัทให้การสนับสนุนแก่ผู้อื่นซึ่งเป็นผู้จัดกิจกรรมนั้นหรือเข้ามาในบริเวณพื้นที่ในความดูแลรับผิดชอบของบริษัท

(1) ข้อมูลส่วนตัวสำหรับการลงทะเบียน การเข้าร่วมกิจกรรม และการติดต่อ เช่น ชื่อ นามสกุล อายุ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

(2) ภาพและ/หรือเสียง ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวของท่านในสถานที่จัดกิจกรรม

(3) ข้อมูลกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่ท่านเคยเข้าร่วมในอดีตหรือที่เคยลงทะเบียนไว้

             2.4  เมื่อท่านติดต่อบริษัทผ่านศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์หรือหน่วยงานให้บริการอื่นใด

(1) ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง

(2) ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่ ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

(3) ข้อมูลอื่น เช่น ประวัติการใช้สินค้า/บริการ สถานที่ซื้อสินค้า สถานที่รับบริการ ปริมาณสินค้าที่ซื้อ

             2.5 ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อบริษัท ในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามคำขอของท่านก่อนการทำสัญญา หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว บริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม หรือบริหารจัดการตามสัญญากับท่านได้ (ตามแต่กรณี)  

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

             3.1   บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทแจ้งไว้ตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป เช่น

(1) เมื่อบริษัทจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัยของบริษัท เช่น ข้อมูลชีวภาพ ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า ข้อมูลจำลองลายนิ้วมือ เพื่อใช้ในการระบุตัวตน

(2) บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน แม้ว่าสินค้าหรือบริการนั้นไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวโดยตรง เช่น บริษัทจำเป็นต้องใช้บัตรประชาชนของท่านซึ่งมีข้อมูลศาสนาเพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของท่าน

(3) ข้อมูลสุขภาพ เช่น ข้อมูลการแพ้อาหาร ข้อมูลการแพ้ยา โรคประจำตัว ประวัติการรักษาพยาบาลกรณีที่ท่านสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจากบริษัทได้ เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับกิจกรรมที่ท่านเข้าร่วมประชุมหรือกิจกรรมต่าง ๆหรือเพื่อประโยชน์ด้านการสาธารณสุข เช่น การป้องกันการแพร่ระบาดจากโรคติดต่อหรือโรคระบาด เป็นต้น

             3.2   ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวนั้นบริษัทจะขอความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่านเป็นรายกรณีไปและจะจัดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เพียงพอเพื่อปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหวของท่าน

  1. คุกกี้

             กรณีที่ท่านเข้าใช้งานสื่ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ของบริษัท เช่น แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและไซเบอร์ เป็นต้น บริษัทมีการใช้คุกกี้เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กำหนดไว้

  1. การถอนความยินยอมและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอม

             5.1 กรณีที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยอาศัยความยินยอมของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทได้ตลอดเวลา ซึ่งการถอนความยินยอมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ดำเนินการไปแล้วก่อนที่ท่านจะถอนความยินยอม

             5.2 การที่ท่านถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้กับบริษัทหรือปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลบางประการอาจส่งผลให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางประการหรือทั้งหมดตามที่บริษัทแจ้งไว้ตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไปได้

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่น

             6.1 กรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านมีหน้าที่ดังต่อไปนี้                

(1) แจ้งรายละเอียดตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทให้บุคคลนั้นทราบรวมทั้งขอความยินยอมจากบุคคลนั้น (กรณีที่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล)                

(2) ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลนั้นได้โดยชอบด้วยกฎหมาย      

             6.2 ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่บริษัทอาจใช้ในการประมวลผลรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด ที่อยู่ เพศ ข้อมูลตามที่ระบุในบัตรประจำตัวประชาชนหรือหนังสือเดินทาง สัญชาติ ที่อยู่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หมายเลขโทรศัพท์ อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่ สถานที่ทำงาน เอกสารทางการเงิน ความสัมพันธ์กับท่าน ช่องทางติดต่อในสื่อสังคมออนไลน์

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ

             7.1 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้ก็ต่อเมื่อบริษัทได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ ผู้พิทักษ์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าวตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (แล้วแต่กรณี)      

             7.2 กรณีที่บริษัทต้องได้รับความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ แต่บริษัทไม่ทราบในขณะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลว่าเจ้าของข้อมูลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และต่อมาบริษัทได้ทราบในภายหลังว่าบริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้มีอำนาจให้ความยินยอมแทนบุคคลดังกล่าวตามข้อ 7.1 บริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของเจ้าของข้อมูล เว้นแต่เป็นกรณีที่บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวได้โดยอาศัยเหตุอันชอบด้วยกฎหมายและไม่ต้องขอความยินยอม

  1. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

             8.1 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เว้นแต่กฎหมายอนุญาตให้มีระยะเวลาเก็บรักษาที่นานกว่านั้น กรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวมโดยคำนึงถึงแนวปฏิบัติทางธุรกิจสำหรับข้อมูลส่วนบุคคลแต่ละประเภท

             8.2 บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้จากการบันทึกกล้องวงจรปิดตามระยะเวลาดังนี้

(1) ในสถานการณ์ปกติ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ 1 ปี นับแต่วันที่กล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลไว้

(2) ในกรณีจำเป็น เช่น การใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี หรือกรณีที่ท่านร้องขอ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เกินกว่า 1 ปี นับแต่วันที่กล้องวงจรปิดบันทึกข้อมูลไว้ และบริษัทจะลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่านเมื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวเสร็จสิ้นครบถ้วนแล้ว

             8.3 กรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจนกว่าท่านจะแจ้งขอถอนความยินยอมและบริษัทดำเนินการตามคำร้องขอของท่านเสร็จสิ้นแล้ว อย่างไรก็ดี บริษัทจะยังเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นสำหรับบันทึกเป็นประวัติว่าท่านเคยถอนความยินยอมเพื่อให้บริษัทสามารถตอบสนองต่อคำขอของท่านในอนาคตได้ 

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

             9.1 บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่กลุ่มบริษัท บุคคลที่บริษัทมอบหมายให้เป็นผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ปรึกษา สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน ผู้สอบบัญชี ผู้ตรวจสอบภายนอก บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ คู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ ผู้ให้บริการ ผู้รับจ้าง ผู้รับจ้างช่วงที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล พันธมิตรที่มีการร่วมมือกันกับบริษัท (Co-branding) บุคคลและ/หรือนิติบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์หรือมีนิติสัมพันธ์กับบริษัท ผู้สนใจจะรับโอนสิทธิและหน้าที่ของบริษัท ผู้ประสงค์จะควบรวมกิจการกับบริษัทไม่ว่าในรูปแบบใด องค์กรที่เกี่ยวข้องกับดัชนีความยั่งยืน สถานพยาบาลและ/หรือหน่วยกู้ภัย (กรณีฉุกเฉินเพื่อปกป้องประโยชน์ของท่าน) หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานกำกับดูแล ผู้มีอำนาจตามกฎหมายผู้ร้องขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลของท่านโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายและ/หรือตามนิติกรรมสัญญาที่ท่านทำไว้กับผู้นั้น และ/หรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นใดที่จำเป็นไม่ว่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ (รวมถึงพนักงาน ลูกจ้าง ผู้บริหาร กรรมการ ผู้ถือหุ้น ตัวแทน และที่ปรึกษาของบริษัทและของผู้รับข้อมูลดังกล่าวด้วย) เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและให้บริการแก่ท่าน รวมถึงดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป และ/หรือปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย

             9.2 บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างเหมาะสมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ

             9.3 บริษัทจะดำเนินการให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเก็บรักษาข้อมูลนั้นไว้เป็นความลับและไม่นำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจากวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นใดตามที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเพิ่มเติมหรือตามความยินยอมที่ท่านได้ให้แก่บริษัทเป็นคราว ๆ ไป และ/หรือการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย

  1. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

             กรณีที่บริษัทจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ รวมถึงนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปเก็บบนฐานข้อมูลในระบบอื่นใดที่อยู่ในต่างประเทศ บริษัทจะควบคุมดูแลให้ผู้รับโอนข้อมูลหรือผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลที่อยู่ในประเทศปลายทางที่รับหรือเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศผู้โอนข้อมูลส่วนบุคคล (ถ้ามี) กำหนด กรณีที่ผู้รับโอนข้อมูลหรือผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลในประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไม่เพียงพอเทียบเท่ามาตรฐานที่กฎหมายของประเทศผู้โอนข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด บริษัทจะดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสมเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่โอนไปต่างประเทศดังกล่าวได้รับการคุ้มครองในระดับเดียวกับที่บริษัทคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  1. มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

             11.1 บริษัทจะกำหนดสิทธิในการเข้าถึง การใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการแสดงหรือยืนยันตัวบุคคลผู้เข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

             11.2 บริษัทจะจัดให้มีวิธีการทางเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเข้าสู่ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต

             11.3 กรณีที่บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ผู้อื่น บริษัทจะดำเนินการใดๆเพื่อป้องกันมิให้ผู้นั้นใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ และใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพียงเท่าที่จำเป็นและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบและ/หรือได้รับความยินยอมจากท่านเป็นคราว ๆ ไป

             11.4 บริษัทจะจัดให้มีระบบตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลออกจากระบบการจัดเก็บเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการประมวลผล หรือเมื่อท่านร้องขอหรือขอถอนความยินยอม

             11.5 กรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทจนเป็นเหตุให้มีการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลให้หน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทราบโดยไม่ชักช้าเว้นแต่การละเมิดดังกล่าวไม่มีความเสี่ยงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคล และในกรณีที่การละเมิดมีความเสี่ยงสูงที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุการละเมิดให้ท่านทราบพร้อมกับแนวทางการเยียวยาโดยไม่ชักช้าด้วย ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

             11.6 บริษัทจะบันทึกรายการตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรหรือในระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เจ้าของข้อมูลหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตรวจสอบได้

  1. สิทธิของเจ้าของข้อมูล

             12.1 ท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลมีสิทธิในการดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้         

(1) ขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม         

(2) ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือขอให้ถ่ายโอนข้อมูลดังกล่าวไปยังผู้อื่น         

(3) คัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้         

(4) ขอให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้         

(5) ขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งนี้ภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดไว้         

(6) ขอแก้ไขปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

(7) ถอนความยินยอมที่ท่านให้ไว้แก่บริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิในการถอนความยินยอมโดยกฎหมายหรือนิติกรรมสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน

(8) ร้องเรียนต่อหน่วยงานที่มีอำนาจกรณีที่ท่านเชื่อว่าการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทไม่เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

             12.2 ท่านสามารถใช้สิทธิตามข้อ 12.1 ได้ โดยติดต่อไปยังบุคคลที่ระบุในข้อ 14.

             12.3 บริษัทสงวนสิทธิที่จะปฏิเสธการดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิของท่านไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนเมื่อบริษัทมีเหตุผลอันสมควรและเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การดำเนินการดังกล่าวก่อให้เกิดภาระแก่บริษัทเกินสมควร เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติ เป็นการขัดต่อกฎหมาย การใช้สิทธิดังกล่าวของท่านมีหรืออาจจะมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นหรือกรณีที่บริษัทมีอำนาจตามกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากท่าน

  1. ประกาศหรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่น            

             กรณีที่ท่านใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท และท่านได้กดลิงก์ต่างๆ ที่แสดงอยู่บนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันดังกล่าวเพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นไม่ว่าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นนั้นจะเป็นของบริษัทหรือไม่ก็ตาม ท่านจะต้องศึกษาและปฏิบัติตามประกาศหรือนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นด้วย และบริษัทไม่รับผิดชอบในเนื้อหาหรือมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นนั้น และหากท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่เจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นไป ท่านรับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีว่าบริษัทไม่มีความเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันอื่นประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

  1. ข้อมูลผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล            

             ท่านสามารถติดต่อผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทผ่านช่องทางดังต่อไปนี

PDPA Contact Center
Mobile No:  065 6950559  หรือ อีเมล info@quantumwater.co

  1. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล            

             กรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ บริษัทจะประกาศให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือช่องทางการสื่อสารอื่นของบริษัท โดยประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับใหม่จะมีผลใช้บังคับทันทีในวันที่ประกาศให้ท่านทราบ